ในปัจจุบันเราแทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสังคมประเทศไทย ได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปี 2561 จากการอ้างอิงของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หมายถึง ประเทศไทยจะมีอัตราผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมด โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักมีความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันลดลง อีกทั้งยังมีปัญหาสุขภาวะจากโรคประจำตัว ร่วมกับภาวะเปราะบางหรือทุพพลภาพในผู้สูงอายุบางรายร่วมด้วย

ส่งผลให้บางครอบครัวมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการให้การดูแลผู้สูงอายุในกลุ่มดังกล่าวประกอบกับรูปแบบการดำเนินชีวิตของประชากรที่เป็นครอบครัวเดี่ยว ฉะนั้น การหาสถานที่ในการให้การช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่การจะเลือกสถานบริบาลแต่ละที่นั้นอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนเสมอไป ดังนั้น วันนี้เราจึงจะมาคุยถึงแนวทางการเลือกสถานบริบาลที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุและปัญหาของพวกท่าน
สถานบริบาลในอุดมคตินั้นควรจะเป็นสถานที่สนับสนุนคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ในขณะที่ไม่เป็นการจำกัดความสามารถของผู้สูงอายุ อีกทั้งยังต้องสนับสนุนและช่วยเหลือในส่วนที่พวกท่านนั้นบกพร่อง แต่ในปัจจุบัน (มีนาคม 2566) สถาบริบาลที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับกระทรวงสาธารณสุขมีมากกว่า 786 แห่ง และกระจุกตัวอย่างมากในสังคมเมือง โดยเฉพาะกรุงเทพและปริมณฑล ดังนั้น การเลือกสถานบริบาลที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุแต่ละรายจึงเป็นอีกสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนจะพาผู้สูงอายุที่ท่านรักไปรับการดูแลตามสถานบริบาลนั้น ๆ
เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาเบื้องต้น

ความความรุนแรงของปัญหาที่ผู้ป่วย
ความรุนแรงของโรคที่แสดงถึงความสามารถของผู้สูงอายุ ซึ่งปกติหลังจากภาวะผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่มีภาวะบาดเจ็บหรือได้รับการรักษาในระยะเฉียบพลัน(Acute phase) จะมีปัญหาทางพยาธิสภาพที่คงที่ และสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้านด้วยการดูแลของครอบครัวได้ ในระยะนี้จะถือว่าเป็นระยะฟื้นฟู (Recovery phase) ในระยะนี้ ร่างกายจะมีความสามารถด้อยกว่าภาวะปกติ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟู เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยคืนความสามารถให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุดตามเเต่ข้อจำกัดของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อลดระดับความช่วยเหลือจากรอบข้าง
หากพ้นจากระยะฟื้นฟูแล้วผู้ป่วยจะมีอัตราการพัฒนาที่ช้าลงและเข้าสู่ระยะคงความสามารถ (Maintenance phase) ซึ่งจะเป็นการปรับใช้ความสามารถที่มีกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งระยะของผู้ป่วยแต่ละรายและความรุนแรงนี้ก็มีผลต่อการเลือกสถานบริบาล เนื่องจากจุดประสงค์ของการดูแลที่แตกต่างกัน
แรงจูงใจของผู้ป่วย
ต่อการช่วยเหลือตนเองรวมถึงทัศนติต่อการกลับมาช่วยเหลือตนเอง เนื่องจากเป็นประเด็นหลักที่ส่งผลต่อความร่วมมือในการฟื้นฟูตามแต่ละระยะ
4 เทคนิคการพิจารณาเลือกศูนย์ฟื้นฟูหรือสถานบริบาล
หากเราทราบปัจจัยทั้งสองส่วนนี้และจะสามารถนำมาเป็นกรอบในการพิจารณาชนิดของสถานบริบาลตามแผนภาพได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 : ผู้ป่วยมีความสามารถสูง ช่วยเหลือตนเองได้มาก และมีแรงจูงใจสูง
การฟื้นฟูใน Recovery Center จะช่วยพัฒนาความสามารถให้ผู้ป่วยก้าวข้ามอุปสรรคในการดำเนินชีวิตไปได้อย่างรวดเร็ว
กลุ่มที่ 2 : ผู้ป่วยมีความสามารถสูง ช่วยเหลือตนเองได้มาก แต่มีแรงจูงใจน้อย

การดูแลด้วยศูนย์บริบาล (Nursing home) ที่มีการกระตุ้นแรงจูงใจด้วยการทำกิจกรรมกลุ่ม หรือทำทำกิจกรรมร่วมกับผู้ป่วยรายอื่นๆ ในลักษณะของทำกิจกรรมที่เขาสนใจและการมีส่วนร่วมก็เป็นการเพิ่มแรงผลักดันให้กลับมาทำกิจกรรมและพัฒนาไปสู่การฝึกที่ศูนย์ฟื้นฟูถัดไป
กลุ่มที่ 3 : ผู้ป่วยมีความสามารถน้อย ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือมาก แต่มีแรงจูงใจสูง
หากผู้ป่วยมีข้อจำกัดที่ไม่มากเกินไปการกระตุ้นให้ใช้งานด้วย Recovery center จะเป็นการพัฒนาความสามารถของผู้ป่วย แต่หากผู้ป่วยมีข้อจำกัดที่สูงมาก การประดูแลพื้นฐานด้วยศูนย์บริบาล (Nursing home) เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้ความสามารถตามข้อจำกัดของตนที่ไม่เป็นการจำกัดการพัฒนา (over care) และการทำกิจกรรมพื้นฐานเพื่อป้องกันภาวะถดถอยจากการไม่ใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่พึงกระทำ
กลุ่มที่ 4 : ผู้ป่วยมีความสามารถน้อย ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือมาก และขาดแรงจูงใจในกรทำกิจกรรม
เน้นประคับประคองและคงความสามารถ พร้อมทั้งการดูแล เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น
- การติดเชื้อ
- แผลกดทับ
- ข้อต่อยึดติด เป็นต้น
เมื่อท่านสามารถกำหนดชนิดของสถานบริบาลได้แล้ว การคำนึงถึงคุณภาพของสถานบริบาลก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรละเลย ทั้งนี้ ควรพิจารณาถึงการให้บริการที่มีกระบวนการดูแลสนับสนุนให้ผู้ป่วยได้ทำกิจกรรมระหว่างวัน ลดการใช้ชีวิตบนเตียง รวมถึงการกำหนดเป้าหมายการดูแลและติดตามผลที่เป็นรูปแบบมาตรฐาน อีกทั้งยังต้องให้ดูแลด้วยบุคลากรที่น่าเชื่อถือที่ผ่านการอบรมทางวิชาชีพ ทั้งนักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด พยาบาลและเจ้าหน้าที่ด้านการฟื้นฟู หากองค์ประกอบของการดูแลสมบูรณ์และเหมาะสมตามปัญหาของผู้ป่วยแต่ละรายแล้ว การฟื้นความสามารถของผู้ป่วยก็เป็นสิ่งที่ไม่เกินความสามารถในการดูแลของครอบครัวอีกต่อไป
หากท่านสนใจรับบริการฟื้นฟูร่างกายควบคู่ไปกับการดูแลทางด้านจิตใจ ด้วยศาสตร์แห่งไคโก-โดะ ศาสตร์การฟื้นฟูแบบฉบับญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพอย่ารอช้า ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ศูนย์ PNKG Recovery and Elder Care ชั้น 2 โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น. จันทร์ – เสาร์ (ปิดบริการวันอาทิตย์)
- โทร : 080-910-2124
- Line : PNKG
- Facebook : PNKG Recovery and Elder Care