พาร์กินสัน หรือ โรคสั่นสันนิบาต (Parkinson’s Disease) เป็นโรคยอดฮิตที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ มักเกิดกับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี และพบได้บ่อยรองลงมาจากโรคอัลไซเมอร์
ปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่ถ้าหากได้รับการดูแล ฟื้นฟูจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้วยการกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง ก็จะสามารถชะลออาการของพาร์กินสัน และทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ช่วยเหลือตัวเองได้ และมีสภาพร่างกายที่และจิตใจที่ดีขึ้น
โรคพาร์กินสัน คืออะไร เกิดจากอะไร
พาร์กินสัน เกิดจากความผิดปกติของส่วนเบซอลแกงเกลียในสมองส่วนกลาง ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทชื่อว่า โดพามีน ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของร่างกาย หากสมองส่วนกลางที่มีหน้าที่ผลิตโดพามีนผิดปกติ ก็จะทำให้ผลิตโดพามีนได้ลดลง ส่งผลต่อทำให้การเคลื่อนไหวผิดปกตินั่นเอง นอกจากนี้ พาร์กินสันยังสามารถเกิดร่วมกับกลุ่มโรคสมองเสื่อม (Dementia) ได้อีกด้วย
7 อาการสัญญาณเตือนโรคพาร์กินสัน มีอะไรบ้าง
- สั่น เกร็ง ข้อต่อติดแข็ง เคลื่อนไหวช้า การทรงตัวไม่ดี
- เขียนตัวอักษรเล็กลง
- เสียงค่อยและเบาลง
- สีหน้าไร้อารมณ์
- หลังค่อม ตัวงุ้มลง
- การรับกลิ่นลดลง
- มีการขยับแขนและขาอย่างรุนแรงขณะหลับ
โรคพาร์กินสัน มีกี่ระยะ?
ระยะของพาร์กินสันสามารถแบ่งย่อยได้เป็น 5 ระยะ จากเบาไปจนถึงหนัก (แบ่งตามเกณฑ์ Modified Hoehn – Yahr)
- ระยะที่ 1 : ในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า ข้อต่อติดแข็งที่ร่างกายที่ซีกใดซีกหนึ่ง
- ระยะที่ 1.5 : แกนกลางลำตัวและกระดูกสันหลังเริ่มแสดงอาการผิดปกติ
- ระยะที่ 2 : ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทั้งสั่น เคลื่อนไหวช้า และข้อต่อติดแข็งทั้งสองซีกของร่างกาย แต่ยังไม่มีปัญหาเรื่องการบาลานซ์ร่างกาย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
- ระยะที่ 2.5 : อาการที่เกิดขึ้นในระยะที่ 2 เริ่มรุนแรงขึ้นจากเดิม
- ระยะที่ 3 : เริ่มทรงตัวไม่ได้ ลุก ยืน เดิน ลำบาก ต้องมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ไม้เท้า แต่ยังสามารถใช้ชีวิตเองได้อยู่
- ระยะที่ 4 : อาการทุกอย่างรุนแรงขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลงกว่าเดิม ต้องมีคนช่วยอย่างใกล้ชิดเพราะผู้ป่วยอาจหกล้มได้ง่าย การทรงตัวไม่ดี
- ระยะที่ 5 : เป็นระยะที่รุนแรงที่สุด ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย เช่น ไม่สามารถทานอาหารได้เอง มือหงิกงอ หากปล่อยไว้ จะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปในที่สุด
การรักษาโรคพาร์กินสัน
ปัจจุบัน พาร์กินสันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถช่วยประคับประคองให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยาวนานที่สุดได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- การรักษาด้วยการรับประทานยา
- การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึก ซึ่งจะใช้วิธีนี้ในผู้ป่วยรายที่อาการของโรค ดำเนินไปสู่ระยะท้ายแล้ว
- การทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
การดูแลผู้ป่วยพาร์กินสัน
เพราะอาการของพาร์กินสัน ทำให้การดำเนินชีวิตเกิดอุปสรรค และที่สำคัญโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ คนรอบข้างจึงควรทำความเข้าใจและคอยช่วยดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โดยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
- ช่วยผู้ป่วยในการบริหารร่างกาย เพื่อป้องกันการเกิดข้อยึดติด ฝึกการทรงตัว เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- คอยระวังเรื่องอุบัติเหตุ การล้ม ปัญหาการกลืน การพูด
- ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ เนื่องจากผู้ป่วยพาร์กินสันจะสามารถทำ กิจกรรมต่าง ๆ ได้ช้า จึงทำให้มักมีอาการท้องผูก
นอกจากการดูแลทางด้านร่างกายแล้ว ผู้ดูแลต้องทำความเข้าใจผู้ป่วยและคอยดูแลสภาพจิตใจของผู้ป่วยด้วย เนื่องจาก ผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหานอนไม่หลับ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมี ปัญหาด้านจิตใจ มีความวิตกกังวล และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า จนแยกตัวออกห่างจากสังคม
โรคพาร์กินสัน วิธีป้องกัน มีอะไรบ้าง?
ปัจจุบัน ยังไม่พบสาเหตุการเกิดพาร์กินสันอย่างชัดเจน แต่มีสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น
- การเกิดอุบัติเหตุทางสมอง
- การทานยาจิตเวช
ถึงแม้ว่าทางการแพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุของโรค แต่เราสามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์สมองได้โดยการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป
หากสังเกตเห็นตนเองหรือคนในครอบครัวเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที หรือถ้าหากตรวจเจอพาร์กินสัน หรือ โรคหลอดเลือดสมอง แล้ว ควรรีบทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้องกับผู้เชี่ยวชาญ
หากท่านสนใจรับบริการฟื้นฟูร่างกายควบคู่ไปกับการดูแลทางด้านจิตใจ ด้วยศาสตร์แห่งไคโก-โดะ ศาสตร์การฟื้นฟูแบบฉบับญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพอย่ารอช้า ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ศูนย์ PNKG Recovery and Elder Care ชั้น 2 โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น. จันทร์ – เสาร์ (ปิดบริการวันอาทิตย์)
- Line : https://lin.ee/QlE0zQ6
คำถามที่พบบ่อบเกี่ยวกับพาร์กินสัน
พาร์กินสัน อันตรายไหม?
ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้อยู่ในระยะไหนแล้ว ถ้าหากอยู่ในระยะแรก ๆ และเริ่มรักษา ฟื้นฟูร่างกายไว ก็จะชะลออาการให้เกิดช้าลง ร่างกายแข็งแรง แต่ยิ่งระยะสูง โอกาสที่อาการของโรคจะรุนแรงขึ้นหรือความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็จะยิ่งมากตาม
พาร์กินสัน สามารถรักษาหายได้ไหม?
พาร์กินสันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย อาการของโรคจะดำเนินไปเรื่อย ๆ (Progressive Disease) ซึ่งสิ่งที่จะคอยช่วยคงอาการผู้ป่วย คือ การทำกายภาพบำบัด โดยการทำกายภาพบำบัดจะชะลอการดำเนินโรคให้เป็นไปอย่างช้าที่สุด หากผู้ป่วยไม่ได้กายภาพบำบัด ฟื้นฟู หรือกินยาเลย ผู้ป่วยจะทรุดเร็ว ทำให้เข้าสู่ภาวะผู้ป่วยติดเตียงได้ไวขึ้น