รีวิวการฟื้นฟู “คุณพ่อโสภณ” ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง-สโตรก

รีวิวการฟื้นฟู "คุณพ่อโสภณ" ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง-สโตรก
Table of Contents

ส่งต่อเรื่องราวความประทับใจ เมื่อโรคร้ายเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ฟื้นฟูได้ด้วยพลังใจของผู้ป่วย และความรักของครอบครัว ช่วยประคับประคองจนผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิต สู่คุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง 

คุณพ่อโสภณ วัย 66 ปี เป็นผู้ป่วยเนื้องอกขนาดใหญ่บริเวณต่อมใต้สมอง รักษาด้วยการผ่าตัดเนื้องอก โดยระหว่างการผ่าตัดเกิดภาวะสมองขาดเลือดจนต้องเพิ่มความดันเลือดเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมอง แต่กลับมีเลือดออกในบริเวณผ่าตัด ทำให้คุณพ่อได้รับผลกระทบทั้งภาวะสมองขาดเลือดและเลือดออกในสมองจนต้องผ่าตัดซ้ำ และใช้เวลาใน ICU นานกว่า 1 เดือน 

ระหว่างการรักษาตัวคุณพ่อมีอาการอ่อนแรงซีกซ้าย มีปัญหาเรื่องการทรงตัวเสีย ความจำและมีอาการสับสนในบางครั้ง จำเป็นต้องได้รับการเจาะคอและใส่สายสวนปัสสาวะ ทำให้การดูแล การสื่อสารและการฟื้นฟูแทบเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงแรก

มีหวังแค่ 10% อะไรที่เป็นไปได้ เรายอมทำทุกอย่าง

ถึงอาการคุณพ่อโสภณในช่วงแรกจะทำให้คุณโบว์ (ลูกสาว) ใจเสียพอสมควร แต่คุณโบว์ก็ยังคงเชื่อว่าอาการคุณพ่อจะดีขึ้นแน่นอน และเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในทุก ๆ วัน จนประมาณ 2-3 เดือน ความหวังนั้นเป็นจริง เมื่อคุณพ่อเริ่มรู้สึกตัว สื่อสารด้วยการบีบมือหรือกะพริบตา แต่สุดท้าย ความหวังนั้นกลับเป็นเพียงแสบวูบเดียวเท่านั้น เมื่อคุณโบว์เริ่มสังเกตเห็นว่าคุณพ่อดูเหมือนจะมีปัญหาทางสายตา มองไม่เห็นตำแหน่งช้อน หรือเมื่อจำเป็นต้องหยิบสิ่งของอาการของคุณพ่อดูเหมือนไม่เห็นตำแหน่งสิ่งของจริง ๆ 

หลังจากนั้น คุณโบว์ได้พาคุณพ่อตรวจยืนยันกับทางจักษุแพทย์อีกครั้ง ผลตรวจออกมาว่า คุณพ่อสูญเสียการมองเห็นจากการที่ก้อนเนื้อใหญ่กดเส้นประสาทตามานาน ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี แน่นอนว่าคุณโบว์ยังคงเชื่อมั่นว่าอาการเหล่านี้อาจเป็นเพียงผลข้างเคียงชั่วคราว พยายามสอบถามคุณหมอว่ามีความเป็นไปได้ไหมที่จะฟื้นคืนความสามารถในการมองเห็นของคุณพ่อ แต่ความหวังนั้นก็พังทลายลงอีกครั้ง เมื่อคุณหมอแจ้งว่า ความหวังที่จะกลับมามองเห็นได้มีเพียง 10% เท่านั้น อาจจะเห็นแค่ราง ๆ แต่ถ้าเกิน 6 เดือน โอกาสที่จะฟื้นจะยิ่งน้อยลง

คุณโบว์ : “ตอนที่รู้ผลตรวจ ตอนนั้นเฟลมาก… เพราะการมองไม่เห็นทำให้ป๊าใช้ชีวิตลำบากจริง ๆ แต่เราก็ยังมีความหวัง ต่อให้จะเป็นแค่ 10% ก็ยังถือว่าเป็นโอกาส อะไรที่เป็นไปได้ เรายอมทำทุกอย่าง”

ทำไมครอบครัวเลือกฟื้นฟูที่ศูนย์ฯ

หลังจากคุณพ่อออกจากห้อง ICU คุณพ่อมีอาการอ่อนแรงมาก ไม่สามารถนั่งหรือยืนได้เลย และที่สำคัญยังมีอารมณ์แปรปรวน และอาการสับสนจากร่องรอยความเสียจากรอยโรค ทางคุณโบว์จึงพยายามหาศูนย์กายภาพบำบัดเข้มข้นภายในโรงพยาบาล เพราะเชื่อใน Golden Period ของการฟื้นฟู ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด

คุณโบว์ : “เพราะไม่อยากให้ป๊าติดเตียง อย่างน้อยก็พอยืนได้ ทำกิจวัตรประจำวันได้บ้าง แค่เท่านี้ก็ถือว่าเกินกว่าที่คาดหวังไว้มากแล้วจริง ๆ”

พัฒนาการเล็ก ๆ ช่วยจุดประกายความหวังในชีวิตอีกครั้ง

จากที่คุณพ่อไม่สามารถนั่งหรือทรงตัวได้ ต้องมีคนประคองหรือดูแลตลอดเวลา จากความหวังแค่ขอให้ไม่ติดเตียง แต่ผ่านไปเพียงเดือนเดียว คุณพ่อเริ่มมีพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น

  • เริ่มนั่งทรงตัวได้นานขึ้น 
  • ยืนได้สักพักโดยไม่ล้ม
  • เริ่มทำตามคำสั่งง่าย ๆ 
  • อารมณ์เริ่มนิ่งขึ้น เพราะทีมงานสื่อสารด้วยความใจเย็น

คุณโบว์ : “ช่วงแรกที่เข้ามา เราแค่อยากให้ป๊าพอยืนได้ ใช้ชีวิตประจำวันได้ระดับนึง ขอแค่ไม่ติดเตียง แต่หลังทำมาสักระยะประมาณ 1 เดือน จากเดิมที่ป๊านั่งทรงตัวไม่ได้ หรือยืนไม่ได้ ต้องมีคนจับตลอดเวลา ป๊าเริ่มนั่งทรงตัวได้นาน ทรงตัวยืนได้สักพักเลย เราเลยมีความหวังว่าป๊าอาจจะกลับมาเดินได้ก็ได้”

ยกระดับคุณภาพการฟื้นฟูด้วยความเข้าใจของคนในครอบครัว

ด้วยความที่คุณพ่อมีภาวะสับสนและการมองเห็นจำกัด ทำให้คุณโบว์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมากกว่าที่เคย จากลูกสาวที่จำเป็นต้องทำงานอยู่ต่างจังหวัด ส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากคุณพ่อ สู่การ Standby ดูแลตลอด 24 ชม. เหมือนได้กลับมาใกล้ชิดกับคุณพ่ออีกครั้ง ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจ เมื่อเห็นคุณพ่อเริ่มทำหลายอย่างได้ด้วยตัวเอง เช่น

  • เดินระยะสั้น ๆ โดยจับมือ
  • เคลื่อนย้ายตัวเองขึ้นรถได้ ด้วยชุดคำสั่งง่าย ๆ โดยไม่จำเป็นต้องซัพพอร์ตเหมือนเมื่อก่อน
  • ตักข้าวทานเองได้
  • เริ่มระบุตำแหน่งสิ่งของจากการคลำได้มากขึ้น

คุณโบว์ : “ข้อดี คือ ทำให้เราได้อยู่ใกล้ชิดกับป๊ามากขึ้น ได้เห็นพัฒนาการตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เห็นว่าป๊าพยายามมาก ๆ และทำได้ดีขึ้นทุกวัน เราสามารถพาป๊าออกไปข้างนอก ถึงจะมีแค่เราดูแลคนเดียวก็ตาม ได้พาป๊าไปทานของอร่อย ๆ ที่ท่านเคยชอบกิน ได้พูดคุยถึงรสชาติ แค่นี้ก็ช่วยเติมความสุขเล็ก ๆ ให้กับชีวิตหลังป่วยแล้วค่ะ”

ความประทับใจที่มีต่อทีมกายภาพ

ตลอด 1–2 เดือนแรก ครอบครัวประทับใจมากกับการดูแลของทีมงาน ไม่ว่าจะเป็น การอาบน้ำ พาไปทำกายภาพ หรือการปรับวิธีสื่อสารให้เหมาะกับผู้ป่วยที่มีสับสนง่าย ทุกขั้นตอนเต็มไปด้วยความตั้งใจและความเข้าใจในสภาวะของคุณพ่อได้เป็นอย่างดี

คุณโบว์ : “ขอบคุณน้อง ๆ ทุกคนที่ช่วยดูแลป๊าเป็นอย่างดี ทุกคนใจเย็น ไม่รังเกียจ ทั้งอาบน้ำ และพาไปกายภาพบำบัด ทุกอย่างทำด้วยความเต็มใจ ถ้าขอให้ปรับอะไรก็ทำให้หมด ประทับใจมากจริง ๆ”

หากย้อนเวลากลับไปได้ ครอบครัวอยากบอกตัวเองในวันที่คุณพ่ออยู่ ICU ว่า…“ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้น ทำเท่าที่ทำได้ และทำให้ดีที่สุดก็พอ” ทั้งนี้ คุณโบว์ยังได้ฝากกำลังใจถึงครอบครัวผู้ป่วยโรคระบบประสาทหรือผู้ที่กำลังเผชิญปัญหาในลักษณะเดียวกันว่า “ยิ่งเริ่มทำกายภาพบำบัดเร็วเท่าไร โอกาสกลับมาใช้ชีวิตได้เองก็ยิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเวลาผ่านไปนานแค่ไหน การฟื้นฟูก็ยังมีคุณค่าเสมอ” 

เรื่องราวของคุณพ่อโสภณเป็นตัวอย่างของการเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ทั้งจากโรค เนื้องอก การผ่าตัดซ้ำภาวะแทรกซ้อนยาวนานใน ICU และการสูญเสียการมองเห็น แต่ด้วยพลังใจของผู้ป่วย กำลังใจและความรักจากลูกสาว รวมถึงการดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมกายภาพบำบัด ทำให้คุณพ่อสามารถก้าวผ่านจุดที่ยากที่สุด และฟื้นความสามารถมากเกินกว่าที่คาดคิดไว้

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่พิสูจน์ว่า

ความหวังยังคงมี…ตราบใดที่เราไม่หยุดพยายาม

ส่งอาการเบื้องต้นให้เราช่วยประเมิน

ปรึกษากับทีมแพทย์และนักฟื้นฟูของเรา เพื่อให้คุณวางแผนได้อย่างมั่นใจ และตรงกับอาการมากที่สุด