ฝึกกลืน ฟื้นฟูภาวะกลืนลำบาก

ฝึกกลืน ฟื้นฟูภาวะกลืนลำบากด้วยกิจกรรมบำบัด

เพราะการกลืนไม่ใช่เรื่องเล็ก…ฝึกกลืน ฟื้นฟูภาวะกลืนลำบากในผู้สูงอายุและผู้ป่วย เปิด 3 เหตุผล ทำไมผู้ป่วยที่มีปัญหาในการกลืนหรือมีสายอาหารถึงควรทำกายภาพบําบัดฝึก กลืน ทำความรู้จักการฝึกการกลืนอาหาร โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูผู้ป่วยและผู้สูงอายุจาก PNKG Recovery and Elder Care

ฝึกกลืน คืออะไร? สำคัญอย่างไรกับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ

การฝึกกลืนอาหาร คือ การฝึกควบคุมการทำงานของปาก ลิ้น และกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีฟื้นฟูภาวะกลืนลำบากในผู้สูงอายุและผู้ป่วย ซึ่งอาจเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง พาร์กินสัน ผ่าตัดบริเวณลำคอ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลืนอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีสายให้อาหาร เพราะการใส่สายอาหารในระยะยาวอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น เกิดแผล หรือการติดเชื้อ และที่สำคัญยังส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับประทานอาหารด้วยตัวเอง การฝึกการกลืน จึงเป็นหนึ่งในกิจกรรมบำบัดที่ PNKG ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ​ เพื่อฟื้นฟูความสามารถให้ผู้ป่วยสามารถกลับมารับประทานอาหารด้วยตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องใส่สายอาหาร พร้อมเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยในระยะยาว

ฝึกกลืนอาหาร ช่วยกระตุ้นการกลืนได้อย่างไร?

ส่วนคำถามที่ว่าการฝึกการกลืนช่วยกระตุ้นการกลืนในผู้ป่วยและผู้สูงอายุได้อย่างไร? จริง ๆ แล้ว การฝึก กลืนช่วยฟื้นฟูความสามารถในการกลืนอาหารและเครื่องดื่มผ่านกลไกต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี โดยมีรายละเอียด ดังนี้

กระตุ้นการรับรู้และการตอบสนอง

  • กระตุ้นและเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้ออวัยวะบริเวณปาก ลิ้นและคอหอย
  • เพิ่มการประสานงานระหว่างประสาทและกล้ามเนื้อ
  • ป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ (การสำลัก, การไอและอาหารหล่นออกจากปาก)

กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ

  • ความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลงและกระตุ้นการผลิตน้ำลายภายในปาก
  • ปรับปรุงการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อ

กระตุ้นการทำงานของประสาท

  • กระตุ้นวงจรประสาทที่ควบคุมการกลืน
  • ฟื้นฟูเส้นทางประสาทที่บกพร่อง
  • เพิ่มการส่งสัญญาณประสาท
  • สร้างวงจรประสาทใหม่

อาหารฝึกกลืน สามารถแบ่งได้กี่ระดับ?

โดยทั่วไป อาหารที่ใช้ในการฝึก จะมีความโดยทาง PNKG Recovery and Elder Care จะใช้เกณฑ์ IDDSI : International Dysphagia Standardization Initiative ในการปรับระดับอาหารให้อยู่ในระดับที่กลืนง่ายตามระดับความเหมาะสมและความสามารถในการกลืนอาหารของคนไข้ โดยแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยค่อย ๆ ปรับตัว และเพิ่มระดับความสามารถในการฝึกได้อย่างเหมาะสม โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

ระดับอาหารสำหรับการฝึกการกลืน

  • Level 3 : เป็นอาหารเหลวข้น
  • Level 4 : เป็นอาหารบดละเอียด
  • Level 5 : เป็นอาหารสับละเอียดและชุ่มน้ำ
  • Level 6 : เป็นอาหารอ่อนและมีชิ้นเล็ก
  • Level 7 : อาหารธรรมดา เคี้ยวง่าย

ระดับเครื่องดื่มสำหรับฝึกการกลืน

  • Level 0 : เหลวและไม่หนืด
  • Level 1 : หนืดเล็กน้อย
  • Level 2 : หนืดน้อย
  • Level 3 : หนืดปานกลาง
  • Level 4 : หนืดมาก

เทคนิคกระตุ้นการกลืน มีอะไรบ้าง?

ปัจจุบัน เทคนิคการฝึกในโรงพยาบาลหรือศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูต่าง ๆ มีวิธีการฝึกกระตุ้นการกลืนสามารถแบ่งได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ การบำบัดทางอ้อม (Indirect Therapy) และการบำบัดทางตรงหรือใช้เทคนิคปรับเปลี่ยน (Direct Therapy / Compensatory Strategies) โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

การบำบัดทางอ้อม (Indirect Therapy)

เป็นวิธีการฝึกสำหรับผู้ป่วยที่มีเสมหะเยอะ หรือการทำงานของระบบประสานสัมพันธ์มีปัญหา โดยวิธีนี้จะช่วยเพิ่มพลังกล้ามเนื้อ ทั้งลิ้น ริมฝีปาก กล้ามเนื้อคอได้เป็นอย่างดี

  • การบริหาร เพื่อคงพิสัยการเคลื่อนไหว (ROM exercise)
  • การฝึกสหสัมพันธ์ของกระบวนการการกลืน (Coordination exercise)
  • การบริหารออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของอวัยวะในช่องปาก คอหอยและกล่องเสียง (Strengthening of pharyngeal and laryngeal structure)
  • การกระตุ้นการรับรู้ความรู้สึก (Sensory stimulation)
  • การจัดสิ่งแวดล้อม เพื่อกระตุ้นในการกลืน (Environment manipulation)

การบำบัดทางตรงหรือใช้เทคนิคปรับเปลี่ยน (Direct Therapy / Compensatory Strategies)

ส่วนการบำบัดทางตรงจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ผ่านประเมินการกลืนแล้วมีความเสี่ยงจะเกิดอาการสำลัก หรือไอน้อยลง ซึ่งวิธีนี้จะทำควบคู่ไปพร้อม ๆ กับการบำบัดทางอ้อม

  • การปรับอาหาร (Dietary management)
  • การปรับเปลี่ยนท่าทาง (Positioning)
  • เทคนิคการกลืน (Swallowing maneuvers : Supraglottic, effortful, double swallow etc.)
  • ตำแหน่งในการนำอาหารเข้าปาก (Sensory stimulation)
  • การปรับอุปกรณ์ช่วยเหลือ (Environment manipulation)
  • การดูแลฟันและช่องปาก (Oral hygiene care)

ทั้งนี้ การฝึกการกลืนไม่ควรทำด้วยตัวเอง และควรอยู่ภายใต้การดูแลของนักกิจกรรมบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการกลืนโดยเฉพาะเท่านั้น เพราะก่อนฝึก ผู้ป่วยควรได้รับการประเมินและออกแบบโปรแกรมฝึกที่ตอบโจทย์และเหมาะสมกับความสามารถในการกลืนอาหารของผู้ป่วยด้วย

6 เหตุผล ทำไมผู้ป่วยที่มีปัญหาในการกลืนอาหารถึงควรทำกายภาพบําบัดฝึกกลืน

นอกจากการฝึกการกลืนจะช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุสามารถกลืนอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายผู้ป่วยได้ และมีข้อดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทานอาหารได้เอง

การฝึกสม่ำเสมอช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลืนอาหารและเครื่องดื่มได้ด้วยตัวเอง ลดความเสี่ยงงในการเกิดอาการแืรกซ้อนจากการใส่สายให้อาหารได้เป็นอย่างดี

ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อโครงสร้างภายในปากและลำคอ

ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการกลืน เช่น ลิ้น ขากรรไกร และกล้ามเนื้อคอ เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยให้การกลืนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ช่วยปรับปรุงการประสานงานของกล้ามเนื้อ

เนื่องจาก การกลืนเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อหลายกลุ่ม การกระตุ้นการกลืนซ้ำ ๆ จึงช่วยให้กล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกลืนทำงานประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

เพิ่มความมั่นใจในการรับประทานอาหาร

ฝึก กลืนอาหาร ช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุสามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ เพิ่มความมั่นใจในการรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าสังคมและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ

ป้องกันการสำลัก

การสำลัก เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่นอกจากจะทำให้ผู้ป่วยเสียความมั่นใจในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นแล้ว ยังอาจทำให้อาหารเข้าไปในปอด นำไปสู่การติดเชื้อปอดอักเสบได้ ซึ่งฝึกกลืน กิจกรรมบำบัดสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดสารอาหาร

การฝึกการกลืนช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะขาดสารอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฝึกการกลืน

การทำฝึกการกลืน เป็นกระบวนการที่ช่วยแก้อาการสำลัก ภาวะกลืนลำบากได้อย่างตรงจุด ซึ่งนอกจากจะช่วยให้การกลืนอาหารมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพแล้ว ก่อนฝึก มีข้อควรรู้อื่น ๆ ที่ผู้ป่วยควรคำนึงถึงก่อนตัดสินใจใช้บริการ ได้แก่

  • ไม่ควรฝึกด้วยตัวเอง ผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุควรฝึกภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ หรือนักกิจกรรมบำบัด เพื่อความปลอดภัยและความเหมาะสมกับอาการ
  • ต้องใช้เวลาและการฝึกอย่างสม่ำเสมอ
  • ในกรณีที่ภาวะกลืนลำบากที่เกิดจากสาเหตุของโรคต่าง ๆ ควรฝึกการกลืนควบคู่กับการรักษาหรือฟื้นฟูสาเหตุของปัญหานั้น ๆ ด้วย
  • พักผ่อนให้เพียงพอ สภาพร่างกายพร้อมในการรับประทานอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการสนทนาระหว่างฝึก

PNKG ช่วยให้คุณกลับมากลืนอาหารได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู PNKG Recovery and Elder Care  มีทีมแพทย์เฉพาะทาง นักกายภาพบำบัด ทีมพยาบาลเวชศาสตร์ฟื้นฟู และนักกิจกรรมบำบัดที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านภาวะกลืนลำบาก พร้อมประเมินอาการและออกแบบแผนการฟื้นฟูแบบรายบุคคล เพื่อการฟื้นฟูอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ เรายังมีอาหารสำหรับการฝึกถึง 5 ระดับ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยค่อย ๆ ปรับตัว และเพิ่มระดับความสามารถในการฝึกได้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญ เรายังมีวิธีฝึกกับผู้ป่วยหลายเทคนิค เพื่อกระตุ้นและเพิ่มการทำงานของกล้ามเนื้ออวัยวะบริเวณปาก ลิ้นและคอหอย ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถทานอาหารอย่างปลอดภัยและมั่นใจ

มาตรฐานการฟื้นฟูระดับสากล

ด้วยความรู้ ความเข้าใจ และความใส่ใจมาตรฐานเดียวกับประเทศญี่ปุ่นจากความร่วมมือ Nihon Keiei Group ที่มีประสบการณ์ด้านการดูแลผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปี
ยกระดับคุณภาพการฟื้นฟูให้เหนือระดับไปอีกขั้น ด้วยการเสริมทักษะการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
มากกว่าผลลัพธ์ในการฟื้นฟู ทางเรายังให้ความสำคัญกับสภาวะจิตใจ สื่อสารด้วยความเข้าใจ เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งกว่า
ออกแบบแผนการฟื้นฟูเฉพาะบุคคลด้วยทีมนักกายภาพบำบัดทั้งในไทยและญี่ปุ่น พร้อมกายอุปกรณ์ที่ทันสมัยและครบครัน
ห้องพักเน้นดีไซน์โปร่งสบาย มีปุ่มกดเรียกพยาบาล (Nurse Call) ในห้องพักและในห้องน้ำ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ให้ความสำคัญกับคุณภาพการฟื้นฟู ผู้ป่วย 1 ท่าน จะมีผู้ดูแลมากถึง 7 ท่าน (แพทย์ หัวหน้าเคส นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักวิทยาศาสตร์การกีฬา พยาบาล และผู้ช่วยพยาบาล) พร้อมปรับเปลี่ยนแผนฟื้นฟูตามพัฒนาที่เพิ่มขึ้นเสมอ

ส่งอาการเบื้องต้นให้เราช่วยประเมิน

ปรึกษากับทีมแพทย์และนักฟื้นฟูของเรา เพื่อให้คุณวางแผนได้อย่างมั่นใจ และตรงกับอาการมากที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฝึกกลืน

การฝึกกลืน คืออะไร?

การฝึกกลืน คือ การฝึกควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ ปาก และลิ้น เพื่อปรับปรุงความแข็งแรงและการประสานงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลืนอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีสายให้อาหาร 

โดยทั่วไประยะเวลาในการฝึกกลืนอาจเห็นผลในระยะเวลาสั้น ๆ แต่บางรายอาจต้องใช้เวลาในการฝึกนานหลายเดือน ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ความรุนแรงของรอยโรค ความถี่ในการฝึกกลืน และสภาพร่างกายและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ซึ่งะต้องขึ้นอยู่กับนักกิจกรรมบำบัดและแพทย์ด้วย

  • ลดความเสี่ยงของการสำลัก
  • ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลืนอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ปรับปรุงความแข็งแรงและการประสานงานของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืน
  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ไม่ควรทำด้วยตัวเอง ควรได้รับการฝึกภายใต้การดูแลของนักกิจกรรมบำบัดหรือผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อกระตุ้นการกลืนได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก

  • ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินปัญหาการกลืนอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการฝึกที่เหมาะสมกับความสามารถในการกลืนอาหารของผู้ป่วย
  • นักกิจกรรมบำบัด มีเทคนิคเฉพาะที่ผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะ และสามารถปรับเปลี่ยนแผนการฝึก เพื่อกระตุ้นการกลืนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ป้องกันความเสี่ยงในการสำลัก และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี