ในยุคที่สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ การตัดสินใจเลือกสถานที่ดูแลผู้สูงอายุที่เหมาะสมกลายเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญของหลายครอบครัวระหว่างศูนย์ฟื้นฟู (Rehabilitation Center) ที่เน้นการบำบัดเฉพาะทางหรือบ้านพักคนชรา (Nursing Home) ที่เน้นบรรยากาศเหมือนบ้านหลังที่สอง ทางเลือกไหนที่จะตอบโจทย์ความต้องการของคนที่คุณรักได้ดีที่สุด ซึ่งทั้งสองทางเลือกต่างก็มีข้อดี-ข้อจำกัดแตกต่างกัน บทความนี้จะพาผู้อ่านมาเจาะลึกความแตกต่างระหว่างทั้งสองทางเลือก พร้อมแนวทางการประเมินที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าสถานที่ที่เลือกคุ้มค่าและตรงใจทั้งผู้สูงอายุและครอบครัว
3 วิธีพิจารณาเลือกศูนย์ฟื้นฟูหรือบ้านพักคนชรายังไงให้ตอบโจทย์

รวม 3 เทคนิคพื้นฐานในการพิจารณา ก่อนตัดสินใจเลือกศูนย์ฯ หรือบ้านพักคนชราอย่างไรให้ตอบโจทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าคนสำคัญของคุณจะได้รับการดูแลที่ดีและเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล
สิ่งอำนวยความสะอาดและสภาพแวดล้อม
- สถานที่ควรสะอาดและเป็นระเบียบ
- มีระบบรักษาความปลอดภัย ทางลาด ราวจับ และอุปกรณ์ฉุกเฉิน
- ห้องพักมีความสะดวก และมีความเป็นส่วนตัว
- สอบถามเกี่ยวกับกิจกรรมและบริการที่มี
ตรวจสอบคุณภาพบริการและมาตรฐานของบริการ
- สอบถามอัตราส่วนบุคลากรต่อผู้รับบริการ
- ตรวจสอบประวัติของสถานบริการและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ
วิเคราะห์ความคุ้มค่าทางการเงิน
- คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมบริการเสริมต่าง ๆ
- สอบถามเรื่องสิทธิประโยชน์และการเบิกจ่าย
- เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายกับคุณภาพบริการที่ได้รับ
เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียศูนย์ฟื้นฟูและบ้านพักคนชรา แบบไหนตอบโจทย์ที่สุด
เพราะการเลือกสถานที่ดูแลผู้สูงอายุไม่ใช่แค่การหาที่พักพิงชั่วคราว แต่เป็นการตัดสินใจที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต สุขภาพกาย และสุขภาพใจของผู้สูงอายุในระยะยาว การทำความเข้าใจความแตกต่างสถานที่ทั้ง 2 ประเภท จะช่วยให้คุณสามารถเลือกสถานที่ที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับคนที่คุณรักได้ง่ายยิ่งขึ้น
| ลักษณะ | ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation Center) | บ้านพักคนชรา (Nursing Home) |
| จุดประสงค์หลัก | ฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย จิตใจ หรือทักษะต่างๆ ให้ผู้รับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด | ดูแลระยะยาวและความช่วยเหลือในชีวิตประจำวันแก่ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้อย่างเต็มที่ |
| บริการ | โปรแกรมการบำบัดที่ได้รับการออกแบบมาเฉพาะสำหรับความต้องการและปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย มีการประเมินความก้าวหน้าอย่างสม่ำเสมอ และปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง | การดูแลกิจวัตรประจำวัน การจัดการยา การดูแลสุขภาพเบื้องต้น กิจกรรมทางสังคมและสันทนาการ การดูแลตลอด 24 ชั่วโมง |
| บุคลากร | นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักอรรถบำบัด นักจิตวิทยา นักโภชนาการ พยาบาล แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และแพทย์เฉพาะทางสาขาต่าง ๆ | พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ดูแล นักกิจกรรม (บางแห่งอาจมีนักกายภาพบำบัดหรือนักกิจกรรมบำบัดเข้ามาเป็นบางครั้ง) |
| ระยะเวลาการเข้าพัก | การเข้าพักระยะสั้นหรือระยะกลาง ขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการฟื้นฟู (ประมาณ 1-3 เดือน) | เป็นการเข้าพักระยะยาว |
| เป้าหมาย | ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุดอย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ หรือสามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากที่สุด | ประคับประคองความสามารถที่เหลืออยู่ เน้นความสะดวกสบายในช่วงบั้นปลายชีวิต |
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation Center)

ลักษณะบริการ
เน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุที่พักฟื้นจากการเจ็บป่วยหรือการผ่าตัด โดยมีเป้าหมายหลักในการฟื้นฟูความสามารถให้กลับมาปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่คาดว่าจะมีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติหรือใกล้เคียงปกติ
- ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด : ฟื้นฟูความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหว
- ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เช่น กระดูกหัก ข้อเคลื่อน เอ็นฉีก เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายและการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องและเหมาะสมกับอาการ
- ผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เพื่อฟื้นฟูการทรงตัว ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเคลื่อนไหว ความสามารถในการสื่อสาร และกระตุ้นความคิดความเข้าใจ
- ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น ข้อเสื่อม ผู้ป่วยติดเตียง (Bedridden) เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว เพิ่มความยืดหยุ่นตามข้อและลดอาการปวด
- ผู้สูงอายุที่มีภาวะถดถอยทางร่างกาย (Disuse Syndrome) เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฝึกการทรงตัว เพื่อป้องกันการหกล้ม
- ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ เพื่อประคับประคองอาการให้ทรุดช้าลงและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย
- ผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสารและภาวะกลืนลำบาก (Dysphagia)
บุคลากร
- ประกอบไปด้วยทีมสหวิชาชีพ เช่น แพทย์ระบบประสาท แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักอรรถบำบัด พยาบาล และผู้ช่วยพยาบาล ฯลฯ
- วางแผนการฟื้นฟูเฉพาะบุคคล
ข้อดี
- เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยครบครัน ช่วยในการวินิจฉัย ประเมิน และบำบัดรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- รูปแบบการฟื้นฟูเข้มข้น และมีระบบ
- ช่วยป้องกันไม่ให้ความบกพร่องที่มีอยู่แย่ลง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ข้อติด กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น
- มีทีมสหวิชาชีพครบวงจร โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับบริการจากหลาย ๆ ที่
- ติดตามอาการและพัฒนาการอย่างใกล้ชิดโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- ผู้เข้ารับการฟื้นฟูสามารถช่วยเหลือตัวเอง และทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ดีมากยิ่งขึ้น
- เห็นพัฒนาการเปลี่ยนได้ชัดเจนและวัดผลได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงเวลาทอง (Golden Period)
- ใช้เวลาในการฟื้นฟูไม่เกิน 1-3 เดือน ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตัวเอง
ข้อจำกัด
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- มักจำกัดระยะเวลาในการให้บริการ (ไม่เหมาะสำหรับการพักอาศัยระยะยาว)
- บรรยากาศคล้ายสถานพยาบาลมากกว่าบ้าน
- การฟื้นฟูไม่ได้รับประกันว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
อัตราค่าบริการและความคุ้มค่า
- ค่าบริการค่อนข้างสูง เนื่องจากมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ประมาณ 80,000-/200,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของศูนย์ฯ
- การเข้ารับการฟื้นฟูอาจมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ในระยะยาวการที่ผู้ป่วยสามารถกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น หรือมีภาวะแทรกซ้อนน้อยลง จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาในระยะยาวได้อย่างตรงจุด
- ควรพิจารณาถึงโอกาสที่จะฟื้นฟูได้สำเร็จ เพื่อความคุ้มค่า
บ้านพักคนชรา (Nursing Home)

ลักษณะบริการ
บ้านพักคนชรา (Nursing Home) จะเน้นการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว ด้วยบรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้าน เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการความช่วยเหลือในชีวิตประจำวันหรือมีภาวะพึ่งพาบางส่วน
บ้านพักคนชรา เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและการทรงตัว และต้องการความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร และการเดิน
- ผู้สูงอายุที่ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
- ผู้ที่ไม่มีญาติสนิทดูแล หรือครอบครัวไม่สามารถดูแลได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากข้อจำกัดอื่น ๆ
- ผู้ที่ต้องการการดูแลด้านสุขภาพพื้นฐานแต่ไม่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูเข้มข้น
บุคลากร
- พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล นักโภชนาการ และเจ้าหน้าที่ดูแลประจำวัน
- มีนักกายภาพบำบัดและแพทย์มาตรวจเป็นครั้งคราว
ข้อดี
- เหมาะสำหรับการพักอาศัยระยะยาว
- เน้นสร้างความสุขและความอบอุ่นในชีวิตประจำวัน
- มีกิจกรรมทางสังคมและนันทนาการหลากหลาย
- มีเพื่อนวัยไล่เลี่ยกัน ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน
- มีการดูแลในชีวิตประจำวันอย่างครบวงจร
ข้อจำกัด
- การฟื้นฟูสมรรถภาพอาจไม่เข้มข้นเท่าศูนย์ฯ
- อุปกรณ์ทางการแพทย์อาจมีจำกัด
- ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า
อัตราค่าบริการและความคุ้มค่า
- ค่าใช้จ่ายไม่สูงมาก ประมาณ 50,000 บาท / เดือน
- ค่าใช้จ่ายต่อเดือนน้อย แต่เป็นการจ่ายระยะยาว
- มีทางเลือกหลากหลาย ทั้งราคาและบริการ
สรุป : การตัดสินใจเลือกระหว่างศูนย์ฯ และบ้านพักคนชราไม่มีคำตอบตายตัวว่าอะไรดีกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับสภาพร่างกาย จิตใจ และความต้องการเฉพาะของผู้สูงอายุ รวมถึงสถานะทางการเงินของครอบครัว หรือถ้าสรุปง่าย ๆ กรณีผู้ป่วยอยู่ในช่วง 0-6 เดือน แนะนำให้พักที่ศูนย์ฯ จะตอบโจทย์การฟื้นฟูได้ดีที่สุด แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเกิน 6 เดือนขึ้นไป บ้านพักคนชราก็เป็นอีกนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
- ศูนย์ฟื้นฟู จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูเข้มข้นในระยะสั้นถึงปานกลาง โดยมีเป้าหมายให้กลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ
- บ้านพักคนชรา จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการการดูแลระยะยาว เน้นคุณภาพชีวิตและการมีสังคม
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สิ่งสำคัญ คือ ต้องคำนึงถึงความสุขและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุเป็นหลัก พร้อม ๆ กับการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด เพื่อให้ได้การดูแลที่คุ้มค่าและตรงใจทั้งผู้สูงอายุและครอบครัว สำหรับใครที่กำลังมองหาศูนย์กายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัดในรูปแบบ Intensive ด้วยแผนการฟื้นฟูเฉพาะบุคคล สามารถติดต่อได้ที่
- ศูนย์ PNKG Recovery and Elder Care ชั้น 2 โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น. จันทร์ – เสาร์ (ปิดบริการวันอาทิตย์)
- Tel : 080-910-2124
- Line : PNKG
- Facebook : PNKG Recovery and Elder Care

Content Writer มีประสบการณ์ด้านงานเขียนสุขภาพ การฟื้นฟูสมรรถภาพ และให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหลอดเลือดสมอง โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมถึงโรคอื่น ๆ ในแบบฉบับเข้าใจง่ายมากกว่า 5 ปี




