PNKG RECOVERY CENTER ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง(Stroke) ระบบประสาท ฟื้นฟูหลังผ่าตัด และผู้สูงอายุ

โรคพาร์กินสัน คืออะไร อาการเป็นอย่างไร การรักษาทำอย่างไร

  • Home
  • บทความ
  • โรคพาร์กินสัน คืออะไร อาการเป็นอย่างไร การรักษาทำอย่างไร
โรคพาร์กินสัน คือ โรคที่ความผิดปกติของส่วนเบซอลแกงเกลียในสมองส่วนกลาง ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของร่างกาย ส่งผลต่อทำให้การเคลื่อนไหวผิดปกตินั่นเอง

โรคพาร์กินสัน หรือ โรคสั่นสันนิบาต (Parkinson’s Disease) เป็นโรคยอดฮิตที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ มักเกิดกับผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี และพบได้บ่อยรองลงมาจากโรคอัลไซเมอร์ 

ปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาด แต่ถ้าหากได้รับการดูแล ฟื้นฟูจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้วยการกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง ก็จะสามารถชะลออาการของโรคพาร์กินสัน และทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวัน ช่วยเหลือตัวเองได้ และมีสภาพร่างกายที่และจิตใจที่ดีขึ้น

โรคพาร์กินสัน คืออะไร เกิดจากอะไร

“โรคพาร์กินสัน” เกิดจากความผิดปกติของส่วนเบซอลแกงเกลียในสมองส่วนกลาง ซึ่งสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ผลิตสารสื่อประสาทชื่อว่า โดพามีน ซึ่งโดพามีนทำหน้าที่เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของร่างกาย

หากสมองส่วนกลางที่มีหน้าที่ผลิตโดพามีนผิดปกติ ก็จะทำให้ผลิตโดพามีนได้ลดลง ส่งผลต่อทำให้การเคลื่อนไหวผิดปกตินั่นเอง โรคพาร์กินสันยังสามารถเกิดร่วมกับกลุ่มโรคสมองเสื่อม (Dementia)

อาการ พาร์คินสัน และ ระยะของโรคพาร์คินสัน

อาการ โรคพาร์กินสัน

  1. สั่น เกร็ง ข้อต่อติดแข็ง เคลื่อนไหวช้า การทรงตัวไม่ดี
  2. เขียนตัวอักษรเล็กลง
  3. เสียงค่อยและเบาลง
  4. สีหน้าไร้อารมณ์
  5. หลังค่อม ตัวงุ้มลง
  6. การรับกลิ่นลดลง
  7. มีการขยับแขนและขาอย่างรุนแรงขณะหลับ

ระยะของโรคพาร์กินสัน

ระยะของโรคพาร์กินสันสามารถแบ่งย่อยได้เป็น 5 ระยะ จากเบาไปจนถึงหนัก (แบ่งตามเกณฑ์ Modified Hoehn – Yahr)

ระยะที่ 1: ในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า ข้อต่อติดแข็งที่ร่างกายที่ซีกใดซีกหนึ่ง

ระยะที่ 1.5: แกนกลางลำตัวและกระดูกสันหลังเริ่มแสดงอาการผิดปกติ

ระยะที่ 2: ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทั้งสั่น เคลื่อนไหวช้า และข้อต่อติดแข็งทั้งสองซีกของร่างกาย แต่ยังไม่มีปัญหาเรื่องการบาลานซ์ร่างกาย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้

ระยะที่ 2.5: อาการที่เกิดขึ้นในระยะที่ 2 เริ่มรุนแรงขึ้นจากเดิม

ระยะที่ 3: เริ่มทรงตัวไม่ได้ ลุก ยืน เดิน ลำบาก ต้องมีอุปกรณ์ช่วย เช่น ไม้เท้า แต่ยังสามารถใช้ชีวิตเองได้อยู่

ระยะที่ 4: อาการทุกอย่างรุนแรงขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลงกว่าเดิม ต้องมีคนช่วยอย่างใกล้ชิดเพราะผู้ป่วยอาจหกล้มได้ง่าย การทรงตัวไม่ดี

ระยะที่ 5: เป็นระยะที่รุนแรงที่สุด ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย เช่น ไม่สามารถทานอาหารได้เอง มือหงิกงอ หากปล่อยไว้ จะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปในที่สุด

โรคพาร์กินสันอันตรายไหม? สามารถรักษาให้หายได้รึเปล่า?

โรคพาร์กินสันเป็นโรคที่รักษาไม่หาย อาการของโรคจะดำเนินไปเรื่อย ๆ (Progressive Disease)

ซึ่งสิ่งที่จะคอยช่วยคงอาการผู้ป่วย คือ กายภาพบำบัด

กายภาพบำบัดจะชะลอการดำเนินโรคให้เป็นไปอย่างช้าที่สุด หากผู้ป่วยไม่ได้กายภาพบำบัด ฟื้นฟู หรือกินยาเลย ผู้ป่วยจะทรุดเร็ว ทำให้เข้าสู่ภาวะผู้ป่วยติดเตียงได้ไวขึ้น

โรคพาร์กินสันอันตรายไหม ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้อยู่ในระยะไหนแล้ว ถ้าหากอยู่ในระยะแรก ๆ และเริ่มรักษา ฟื้นฟูร่างกายไว ก็จะชะลออาการให้เกิดช้าลง ร่างกายแข็งแรง แต่ยิ่งระยะสูง โอกาสที่อาการของโรคจะรุนแรงขึ้นหรือความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุก็จะยิ่งมากตาม

การรักษาโรคพาร์กินสัน

ปัจจุบันโรคพาร์กินสันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถช่วยประคับประคองให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีและยาวนานที่สุดได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  1. การรักษาด้วยการรับประทานยา
  2. การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุ้นสมองส่วนลึก ซึ่งจะใช้วิธีนี้ในผู้ป่วยรายที่อาการของโรค ดำเนินไปสู่ระยะท้ายแล้ว
  3. การทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้กับกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

การดูแลผู้ป่วยพาร์กินสัน

เพราะอาการของโรคพาร์กินสันนั้น ทำให้การดำเนินชีวิตเกิดอุปสรรค ที่สำคัญโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ คนรอบข้างจึงควรทำความเข้าใจและคอยช่วยดูแล เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นขึ้น โดยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  1. ช่วยผู้ป่วยในการบริหารร่างกาย เพื่อป้องกันการเกิดข้อยึดติด ฝึกการทรงตัว เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  2. คอยระวังเรื่องอุบัติเหตุ การล้ม ปัญหาการกลืน การพูด
  3. ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ เนื่องจากผู้ป่วยพาร์กินสันจะสามารถทำ กิจกรรมต่าง ๆ ได้ช้า จึงทำให้มักมีอาการท้องผูก

นอกเหนือจากการดูแลทางด้านร่างกายแล้ว ผู้ดูแลต้องทำความเข้าใจผู้ป่วยและคอยดูแลสภาพจิตใจของผู้ป่วยด้วย เนื่องจากผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหานอนไม่หลับ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมี ปัญหาด้านจิตใจ มีความวิตกกังวล และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า จนแยกตัวออกห่างจากสังคม

วิธีป้องกันโรคพาร์กินสัน

ปัจจุบัน ยังไม่พบสาเหตุการเกิดโรคพาร์กินสันอย่างชัดเจน แต่มีสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น การเกิดอุบัติเหตุทางสมอง การทานยาจิตเวช ถึงแม้ว่าทางการแพทย์จะยังไม่ทราบสาเหตุของโรค แต่เราสามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์สมองได้โดยการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจ เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียดจนเกินไป

หากสังเกตเห็นตนเองหรือคนในครอบครัวเริ่มมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที หรือถ้าหากตรวจเจอโรคพาร์กินสัน หรือ โรคหลอดเลือดสมอง แล้ว ควรรีบทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้องกับผู้เชี่ยวชาญ

หากท่านสนใจรับบริการฟื้นฟูร่างกายควบคู่ไปกับการดูแลทางด้านจิตใจ ด้วยศาสตร์แห่งไคโก-โดะ ศาสตร์การฟื้นฟูแบบฉบับญี่ปุ่นที่มีประสิทธิภาพอย่ารอช้า ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ PNKG Recovery and Elder Care ชั้น 2 โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น. จันทร์ – เสาร์ (ปิดบริการวันอาทิตย์) หรือคลิกที่นี่เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

PNKG Recovery and Elder Care ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยและดูแลผู้สูงอายุ บริการกายภาพบำบัดสำหรับผู้ป่วยสโตรก ฟื้นฟูหลังผ่าตัด กระตุ้นการกลืน กระตุ้นความทรงจำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง

✔️ใส่ใจ ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

✔️รักษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ

✔️มาตรฐานการรักษาจากญี่ปุ่น

#PNKG #ศูนย์ฟื้นฟูผู้ป่วยและดูแลผู้สูงอายุ #บริการกายภาพบำบัด #สโตรก #ฟื้นฟูหลังผ่าตัด #กระตุ้นการกลืน #อัลไซเมอร์ #กล้ามเนื้ออ่อนแรง


Share on facebook


Share on twitter


Share on linkedin

0

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save