World stroke day 2025 เคยเป็นสโตรก ป้องกันยังไงไม่ให้เป็นซ้ำ

World stroke day 2025 เคยเป็นสโตรก ป้องกันยังไงไม่ให้เป็นซ้ำ
Table of Contents

ทุกวันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี คือ วันโรคหลอดเลือดสมอง (World Stroke Day 2025) วันสำคัญที่ทั่วโลกย้ำเตือนให้ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพสมอง ช่วยย้ำว่า สโตรกไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะโรคนี้ไม่ได้เกิดแค่ในผู้สูงอายุ แต่อายุน้อยก็มีโอกาสเป็นได้เช่นกัน และที่สำคัญ ผู้ที่เคยผ่านการเป็นสโตรกมาแล้ว ยังมีความเสี่ยงจะเกิดซ้ำได้อีก ถ้าดูแลตัวเองไม่ถูกวิธี บทความนี้จะมาแชร์เคล็ด (ไม่) ลับง่าย ๆ ในการป้องกันความเสี่ยงเป็นสโตรกซ้ำ เริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ เพราะบางทีสุขภาพดีอาจอยู่ใกล้กว่าที่คิด

ทำไมผู้ป่วยสโตรกถึงเสี่ยงเป็นซ้ำ (Recurrent Stroke )?

ผู้ที่เคยเป็นสโตรก ก็เหมือนมีแผลเป็นในสมอง มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำมากกว่าผู้ที่ไม่เคยเป็นหลายเท่า โดยสโตรกที่เกิดซ้ำ เรียกว่า Recurrent Stroke ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือนหรือหลายปีหลังจากที่มีอาการครั้งแรก

หลายคนอาจคิดว่า รักษาโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หายแล้ว ก็จบ ใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ที่เคยมีรอยโรคนี้ในสมอง ก็เหมือนมีแผลเป็นในสมอง มีโอกาสที่จะเกิดซ้ำมากกว่าผู้ที่ไม่เคยเป็นหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) หรือโรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) โดยสโตรกที่เกิดซ้ำ เรียกว่า Recurrent Stroke ซึ่งอาจเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือนหรือหลายปีหลังจากที่มีอาการครั้งแรก

สาเหตุที่ทำให้เกิด Recurrent Stroke มีอะไรบ้าง?

ผู้ป่วยสโตรกมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการหลอดเลือดสมองเปราะบาง และการละเลยหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเดิม ๆ World Stroke Day 2025 สำหรับ PNKG ในปีนี้ได้รวมปัจจัยหลักเบื้องหลังการเกิด Recurrent Stroke มาให้แล้ว

หลายคนอาจคิดว่า สโตรกรักษาหายแล้ว = จบ คงไม่เป็นซ้ำอีกแน่นอน แต่ในความจริง ผู้ป่วยสโตรกมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดจากการหลอดเลือดสมองเปราะบาง และการละเลยหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเดิม ๆ World Stroke Day 2025 สำหรับ PNKG ในปีนี้ได้รวมปัจจัยหลักเบื้องหลังการเกิด Recurrent Stroke มาให้แล้ว ได้แก่

หลอดเลือดสมองเปราะบางจากความเสียหายเดิม

สำหรับผู้ที่มีประวัติเคยเป็นสโตรกมาแล้ว เส้นเลือดบางส่วนในสมองอาจมีการตีบ แตก หรือแข็งตัว ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสเกิดการอุดตันหรือแตกซ้ำได้มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ควบคุมโรคประจำตัว เช่น ระดับความดันโลหิต และไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

โรคประจำตัว

สำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติโรคประจำตัวที่เป็นต้นเหตุของการเกิดสโตรก เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น ถ้าไม่ควบคุมโรคด้วยการทานยาอย่างต่อเนื่อง หรือหยุดยาเอง จะทำให้ผนังหลอดเลือดหนา แข็ง และตีบ จนนำไปสู่สโตรกอีกครั้ง

ไม่รับประทานยาตามแพทย์สั่ง

อีกหนึ่งปัจจัยที่หลักที่ผู้ป่วยหลายคนมองข้าม พอเห็นว่ารักษาหายแล้ว ก็ไม่ยอมทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ เช่น ยากลุ่มต้านเกล็ดเลือด ยาลดระดับไขมันในเลือด ยาเบาหวาน หรือยาควบคุมระดับความดันโลหิต ส่งผลให้ประสิทธิภาพการป้องกันโรคประจำตัวลดลง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสโตรกได้ง่ายกว่าเดิม

พฤติกรรมการใช้ชีวิตเดิม ๆ

ไม่ว่าจะเป็น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารเค็มจัด มันจัด และไม่ออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวเร่งทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้สโตรกเกิดซ้ำง่ายกว่าเดิม

ไม่ออกกำลังกาย

เมื่อร่างกายไม่ได้ขยับนาน ๆ กล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือดจะทำงานหนักขึ้น ไขมันอุดตันสะสมง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่สโตรกซ้ำโดยตรง

ความเครียดสะสมและการพักผ่อนไม่เพียงพอ

นอกจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต และโรคประจำตัวแล้ว ภาวะเครียดเรื้อรังและการพักผ่อนไม่เพียงพอล้วนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว ส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและหลอดเลือดสมองโดยตรง

สรุปง่าย ๆ ผู้ที่เคยเป็นสโตรกมาก่อน หลอดเลือดจะอ่อนแอหรือเปราะบางกว่าคนทั่วไป ถ้ายังมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือควบคุมโรคประจำตัวไม่ได้ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสโตรกซ้ำมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ทานยาตามแพทย์สั่ง และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ก็สามารถลดโอกาสเกิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคยเป็นสโตรกแล้วไม่อยากเป็นซ้ำ? เริ่มป้องกันได้ด้วย 6 วิธี

การป้องกันไม่ให้เกิดสโตรกซ้ำสามารถทำได้ง่าย ๆ ในวัน World Stroke Day 2025 PNKG ได้รวมเทคนิคฉบับง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แค่เริ่มปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ก็สามารถลดความเสี่ยงการเกิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการป้องกันไม่ให้เกิดสโตรกซ้ำสามารถทำได้ง่าย ๆ ในวัน World Stroke Day 2025 PNKG ได้รวมเทคนิคฉบับง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แค่เริ่มปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ก็สามารถลดความเสี่ยงการเกิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ควบคุมและเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงอย่างของทอด อาหารมันจัด หรือเนื้อสัตว์ติดมัน เน้นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี และปลาแทนเนื้อแดง ลดโอกาสเกิดสโตรกซ้ำในระยะยาว

หลอดเลือดในสมองตีบ กินอะไรได้บ้าง? : โรคหลอดเลือดในสมองตีบห้ามกินอะไร 7 อาหารควรงดลดเสี่ยงทรุด อาหารอะไรบ้างที่ผู้ป่วยกินได้ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

ออกกำลังกายอย่างถูกต้องและเหมาะสม

การขยับร่างกายเป็นประจำช่วยให้หัวใจแข็งแรง ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยควบคุมน้ำหนัก ความดัน และระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล แค่สัปดาห์ละ 3–5 วัน ก็ช่วยลดโอกาสเกิดสโตรกซ้ำได้แล้ว

กินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

ควรกินยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ยาควบคุมความดัน ยาลดไขมัน หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด ล้วนมีบทบาทสำคัญในการป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และถ้ามีผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนปรับหรือหยุดยาเองทุกครั้ง

งดบุหรี่และแอลกอฮอล์

สารนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัวและแข็งตัวเร็วขึ้น ส่วนแอลกอฮอล์ส่งผลต่อความดันและหัวใจโดยตรง การงดสูบและลดการดื่มจึงเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันสโตรกซ้ำที่ได้ผลดีที่สุด

พักผ่อนให้เพียงพอ และจัดการความเครียด

ความเครียดสะสมและการนอนไม่พออาจทำให้ความดันโลหิตสูงโดยไม่รู้ตัว ควรนอนอย่างน้อยวันละ 6–8 ชั่วโมง ฝึกผ่อนคลายด้วยการทำสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบ เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่

ตรวจสุขภาพประจำปี

ไม่จำเป็นต้องรอให้มีโรคก่อน ถึงจะไปพบแพทย์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ การตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นหนึ่งในวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะการวัดความดัน ตรวจระดับไขมัน และน้ำตาลในเลือด แค่นี้ช่วยให้รู้เท่าทันความเสี่ยงและสามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว

สำหรับผู้ที่เคยเป็นสโตรกมาก่อนสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดซ้ำได้ แค่เริ่มจากการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง การกินยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยาเองเด็ดขาด ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ จัดการความเครียดไม่ให้สะสม เพราะความเครียดเป็นตัวกระตุ้นสำคัญของความดันโลหิตสูง และอย่าลืมตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อเช็กค่าความดัน ไขมัน และน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ แค่นี้ก็ช่วยป้องกันสโตรกซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวแล้ว

สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือใช้บริการฟื้นฟูความสามารถด้วยการทำกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด และทักษะที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

  • Facebook : PNKG Recovery and Elder Care
  • ศูนย์ PNKG Recovery and Elder Care ชั้น 2 โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:30 น. จันทร์ – เสาร์ (ปิดบริการวันอาทิตย์)
  • โทร : 080-910-2124
  • Line : PNKG

ส่งอาการเบื้องต้นให้เราช่วยประเมิน

ปรึกษากับทีมแพทย์และนักฟื้นฟูของเรา เพื่อให้คุณวางแผนได้อย่างมั่นใจ และตรงกับอาการมากที่สุด